วิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นหลายปีที่ผ่านมานี้ ส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกอย่างมาก และอาจจะมากขึ้นอีกในอนาคต หากทุกคนยังใช้ชีวิตและดำเนินการทุกสิ่งในแบบเดิม แม้หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหน้าที่ของใคร แต่เมื่อได้พิจารณาแล้วก็จะพบว่า เราแทบทุกคนมีส่วนที่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาไม่มากก็น้อย ดังนั้นมันก็ควรเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะแก้ไขปัญหานี้ โดยเฉพาะภาคส่วนที่มีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุด ก็คือภาคธุรกิจ ปัจจุบันธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม ก็ได้เริ่มขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแล้ว เราจะเห็นได้ตั้งแต่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Technology) อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automobile) ไปจนถึงอุตสาหกรรมสิ่งของอุปโภคบริโภค (Retail Consumer Goods and Lifestyle) แต่อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่สร้างความเคลื่อนไหวอันน่าสนใจรายล่าสุด คืออุตสาหกรรมกีฬา (Sport) ในฐานะของแบรนด์อันเป็นที่รู้จักในแวดวงนักฟุตบอลทั่วโลก และแบรนด์นั้นคือ Arsenal
.
การลงนามเพื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน UN Sports for Climate Action Framework เพื่อยุติปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ของ Arsenal สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นผู้นำไม่เพียงแต่ใน Premier League เท่านั้น แต่รวมถึงในอุตสาหกรรมกีฬา เนื่องจาก Arsenal มุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ที่สนับสนุนสโมสร กว่าหลายล้านคนทั่วโลก ให้ใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น สร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สิ่งแวดล้อม รวมถึงผลักดันมาตรการเพื่อสิ่งแวดล้อมในสโมสรอย่างต่อเนื่อง
.
หลักการห้าข้อ ภายใต้การลงนามดังกล่าว ประกอบด้วย 1. มีความพยายามที่จะรับผิดชอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ 2. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในภาพรวม 3. ศึกษาเรื่องการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 4. สนับสนุนการบริโภคที่มีความรับผิดชอบ และสร้างความยั่งยืน 5. เป็นผู้สนับสนุนด้านการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผ่านการสื่อสาร
.
นอกจากความร่วมมือในหลักการทั้ง 5 ข้อแล้ว Arsenal ยังดำเนินมาตรการเพื่อสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย เช่น การเป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกในสหราชอาณาจักร ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถดำเนินการแข่งขันใน Emirates Stadium ที่จุคนกว่า 60,000 คน ได้ตลอดการแข่งขัน เป็นการวางรากฐานสู่การใช้พลังงานสะอาดในอนาคต ด้านพื้นที่ป่า Arsenal ได้ปลูกต้นไม้กว่า 29,000 ต้น ที่ศูนย์ฝึกซ้อมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จนกลายเป็นป่าโคลนีย์ (Colney Wood) ในที่สุด มีการติดตั้งระบบรีไซเคิลน้ำจากสนาม เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ โดยในปี พ.ศ. 2562 ได้รีไซเคิลน้ำไปกว่า 4.5 ล้านลิตร มีตู้กดน้ำดื่มครอบคลุมพื้นที่สโมสรทำให้ลดการใช้ขวดน้ำพลาสติกไปได้มากถึง 150,000 ขวดต่อปี และยังเป็นสโมสรแรกที่เปลี่ยนไปใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% อีกด้วย
.
การดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมได้ เพียงออกแบบการดำเนินการที่ดีกว่า วางมาตรการที่รัดกุมเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น สื่อสารให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน และโลกที่ดีกว่า
.
Analyzed by BRANDigest
.
Comments