ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ผู้บริโภคล้วนให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนสังคมของธุรกิจนั้น ๆ มากขึ้น สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค เนื่องจากการสนับสนุนธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก จะนำเสนอคุณค่าที่มากกว่าสินค้าและบริการให้กับลูกค้า แต่เป็นสถานะในการเป็นพลเมืองที่ดีกว่า (Better Citizen) ให้กับลูกค้าด้วย ในทางกลับกันหากผู้บริโภคอุดหนุนธุรกิจที่ไม่มีความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจ ก็จะส่งมอบสถานะตรงกันข้ามให้กับลูกค้าเช่นกัน จากแนวโน้มของผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจขนาดเล็กต้องเปลี่ยนความคิดว่าขนาดของธุรกิจ เป็นข้อจำกัดต่อการวางเป้าหมาย และการดำเนินการที่สร้างคุณค่าให้กับโลก
.
แม้ธุรกิจขนาดใหญ่อาจมีทรัพยากรด้านต่าง ๆ ความเชี่ยวชาญ และผู้คนที่มีศักยภาพในหลายด้าน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เครื่องการันตีความสำเร็จในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนได้ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจขนาดเล็กที่ดูเหมือนจะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ก็อาจใช้ประโยชน์จากความคล่องตัว การสื่อสารที่รวดเร็ว และการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่จากการทำธุรกิจก็เป็นได้ สิ่งสำคัญที่ธุรกิจทุกขนาดต้องให้ความสำคัญกลับเป็น ชุดความคิด (Mindset) ที่ถูกต้องในการดำเนินธุรกิจ อย่างยั่งยืนต่างหากที่ทุกคนควรยึดถือ โดยธุรกิจอาจเริ่มจากการตั้งคำถามที่ว่า ธุรกิจจะสร้างผลกระทบเชิงบวกไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างไรได้บ้าง ห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไหม หรือธุรกิจสร้างการเติบโตด้วยการเอาเปรียบผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่
.
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันใดในโลกยุคใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมาก ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ได้มีทรัพยากรมาก และไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในช่วงวิกฤตได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เปรียบเสมือนตัวเร่งปฏิกิริยาให้ตลาดคัดสรรเพียงธุรกิจที่ได้รับการยอมรับ และสนับสนุนจากผู้บริโภค ให้อยู่รอดต่อ ส่วนธุรกิจที่เหลือก็ล้มเหลว และปิดกิจการ ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กมากมาย ได้เห็นความสำคัญของแนวโน้มการสนับสนุนแบรนด์ที่มีคุณค่าร่วมกันกับผู้บริโภคมากขึ้น และเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่ธุรกิจที่ดีกว่า เช่น อาข่า อ่ามา ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือชุมชนบ้านเกิดของผู้ก่อตั้งที่เป็นชาวอาข่า ให้สามารถจำหน่ายกาแฟได้ในราคาที่เป็นธรรม และมีความรู้ในการผลิตกาแฟมากขึ้น อาข่า อ่ามา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่การส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรแบบผสมผสานโดยไม่ใช้สารเคมี พัฒนาการ ผลิตเมล็ดกาแฟดิบให้มีคุณภาพ และการทำร้านกาแฟและโรงคั่วกาแฟที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
.
สิ่งที่ธุรกิจขนาดเล็กสามารถทำได้เพื่อเอาตัวรอดในวิกฤต และสร้างความยั่งยืน คือการสำรวจตนเองว่า เป้าหมายของตน ได้สร้างคุณค่าร่วมกันกับผู้บริโภค เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าหรือไม่ ทำอย่างไรถึงจะสามารถไปสู่จุดนั้น จากนั้นปรับกระบวนการภายในบริษัทให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากธุรกิจขนาดเล็กทำสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ประโยชน์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ตกอยู่ที่ธุรกิจเพียงส่วนเดียวเท่านั้น หากแต่เป็นระบบนิเวศที่เติบโตไปพร้อมกัน และโลกที่ยั่งยืนอีกด้วย
.
Analyzed by BRANDigest
.
Kommentare